บทความนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาด สถานที่สำคัญ ในเส้นทางอันนาปุรณะเซอร์กิต ไปร่วมผจญภัยในเส้นทางนี้กับเราเลยค่ะ
เส้นทางเดินเทรกในประเทศเนปาลมีหลากหลายเส้นทาง โดยแบ่งออกเป็นเขตต่าง ๆ เช่น เขตเอเวอร์เรส เขตอันนาปุรณะ เขตมนังสลู เขตดอนโป เขตลังตัง เป็นต้น สำหรับมือใหม่ หัดขับ เอ้ย !!! มือใหม่หัดเดิน คงต้องศึกษากันก่อนว่า อยากจะมาเดินในเส้นทางไหน ความยากง่ายของเส้นทาง และจำนวนวันเวลาที่ต้องใช้ ผู้เขียนแนะนำบทความ "8 เส้นทางเดินป่า ยอดฮิต ในประเทศเนปาล" หรือจาก บทความ "ABC (Annapurna Base Camp) หรือจะ ACT (Annapurna Circuit) ดีนะ? ได้จากบล็อคของเราค่ะ
สำหรับในบทความนี้ ผู้เขียนจะแนะนำ 11 สถานที่ ที่น่าสนใจในเส้นอันนาปุรณะเซอร์กิต หรือเรียกกันแบบย่อ ๆ ว่า เอซีที (Annapurna Circuit Trek or ACT) ซึ่ง 1 ใน 11 สถานที่นี้ คุณจะต้องเดินผ่านอยู่แล้ว และบางสถานที่ เป็นจุดชมวิว ที่เราอยากจะไปชม หรือไม่อยากจะไปก็ได้ค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเส้นทางเทรก อันนาปุรณะเซอร์กิตกันก่อนนะคะ เส้นทางนี้ ตั้งอยู่ภายใต้โครงการ อนุรักษ์เขตอันนาปุรณะ (Annapurna Conservation Area Project) หรือชื่อย่อว่า ACAP ในเขตอุทยานแห่งชาติอันนาปุรณะ ประกอบด้วยเขต ลำจุง, มนัง, มัสแตง, มาแชงดิ และ กาสกี ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ไม่ใช่น้อย มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 25,000 คน ต่อปี ที่มาเดินในเส้นทางนี้ทุกปี เส้นทางนี้มีอะไรดี นักเดินทางบางคนหลงรักในการเดินเทรกเส้นทางนี้ มากกว่าการเดินในเขตเอเวอร์เรสเสียอีก
สำหรับเส้นทางนี้อาจเริ่มจากเมืองโพครา หรือเมืองกาฐมาณฑุก็ได้ เรียกว่าเป็นการเดินตามเข็มนาฬิกาหรือเดินทวนเข็มนาฬิกา ดูจากแผนที่แล้วจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ แนะนำให้เดินทวนเข็มนาฬิกาจะง่ายกว่าค่ะ จุดเริ่มต้นของการเดินอยู่ที่ หมู่บ้าน เบสิสหะ (Besisahar 760 m asl) หรือหมู่บ้านบุนบูเล่ ที่เป็นจุดสิ้นสุดของรถประจำทาง สถานที่ที่น่าสนใจในเส้นทางนี้เริ่มต้นที่
1. หมู่บ้าน ชาเม (Chame) สูง 2,670 เมตรจากระดับน้ำทะเล (เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
เป็นหมู่บ้าน ที่เราต้องผ่านอยู่แล้วค่ะ ตั้งอยู่ในเขต มนัง ตอนล่าง ณ หมู่บ้านแห่งนี้ สามารถนั่งรถถึงภายในหนึ่งวัน จากหมู่บ้าน เบสิสหะ หรือใช้เวลาเดิน 3-4 วัน หมู่บ้านชาเมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนตกอยู่ในวงล้อมของหิมาลัยเป็นครั้งแรก หลังจากเริ่มออกเดินทาง เราจะมองเห็นยอดเขาอันนาปุรณะ II(Annapurna II) 7937 เมตร และยอดเขามนัสลู นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อน บรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการเดินเทรกอีกด้วย
ในหมู่บ้านแห่งนี้ มีร้านค้ามากมาย ใครที่มีอุปกรณ์เทรกไม่ครบ เช่น เสื้อกันฝน ไฟฉาย ไม้เท้าเดินป่า ยังหาได้จากหมู่บ้านนี้เช่นกัน หรืออยากจะลองอาหารพื้นถิ่นก็สามารถหาซื้อได้ เมื่อมาถึงแล้วหลังจากพักให้หายเหนื่อย อยากให้ออกไปสำรวจตัวหมู่บ้านกันดูค่ะ
2. หมู่บ้าน พิซัง (Pisang)
สำหรับหมู่บ้าน พิซัง จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ พิซังบน (Upper Pisang 3,300 m) และ พิซังล่าง (Lower Pisang 3,200 m) จากความสูงเหมือนจะห่างกันไม่มาก แต่บอกได้เลยว่า เวลาเดินนี่เหนื่อยมากค่ะ ก่อนออกทริป เราจะต้องเลือกกันก่อนว่า จะเดินเส้นทางไหน ถ้าเลือกพิซังบนก็จะเหนื่อยมากกว่าพิซังล่าง แต่ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ ก็จะอลังการงานสร้างมากกว่า ประมาณว่า ยิ่งสูงยิ่งสวย ยิ่งเหนื่อยยิ่งงามว่างั้นเถอะค่ะ
เรามาที่ หมู่บ้าน พิซังบน กันก่อนนะคะ ณ หมู่บ้านแห่งนี้ มีวัดแบบทิเบต ที่มีอายุ กว่า 250 ปี ตั้งอยู่ บ้านเรือนของชาวบ้าน สร้างจากหินก้อนโต ทั้งหมู่บ้าน เราเรียกกันว่าบ้านหิน (stone house) ส่วนใหญ่ด้านล่างของบ้าน จะทำเป็นที่เลี้ยงสัตว์ เช่น จามรี วัว และ แพะ
จากวัดทิเบต เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้าน พิซังล่าง เส้นทางของพิซังล่างและพิซังบน จะมาบรรจบกันอีกครั้งที่หมู่บ้าน มุงจิ (Mungji) ในเส้นทางพิซังบน เราจะต้องเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านหมู่บ้าน กยารู ที่สูง 3660 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก เราจะเห็นยอดเขา อันนาปุรณะ II, III และ IV ลูกเป้ง ๆ จากหมู่บ้านแห่งนี้ สมกับความยากลำบากที่ได้เดินปีนป่ายขึ้นมา
จากพิซังบน เดินมายังหมู่บ้าน กยารู ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง
จาก กยารู ไป หมู่บ้าน งาวอล สูง 3680 เมตร จากระดับน้ำทะเล ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่เดินลงมาอีกนิดนึง เสน่ห์ของหมู่บ้าน งาวอล คือ ตั้งอยู่อยู่บนที่ราบกว้างใหญ่ มีหิมาลัยรายล้อม บรรยากาศแบบผ่อนคลาย ไม่อึดอัด เหมือนหมู่บ้าน กยารูและ พิซังบน
กลับมากันที่ หมู่บ้านพิซังล่าง หมู่บ้านนี้จะเดินขึ้นในช่วงแรก และเดินในเส้นทางราบสบาย ๆ เป็นลานกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นเส้นทางที่รถวิ่ง เราเดิน ผ่านป่าสน ทุ่งเลี้ยงสัตว์ สนามบิน ฮุมเด ที่ทำการบินบ้างในบางครั้ง และวิวของยอดเขาอันนาปุรณะ III ถ้าเราเลือกเดินเส้นทางพิซังล่าง เราจะเห็นวิวคนละแบบกับพิซังบนนะคะ
จะว่าไปแล้ว ความงามของทั้งสองเส้นทางก็งามแจ่มกันคนละแบบ ต้องตัดสินใจเลือกแล้วหล่ะค่ะ ว่าอยากเดินเส้นทางไหน ถ้าแรงกำลังมีน้อย ก็เลือกเดินพิซังล่าง หรือจะนั่งรถไปก็ได้ แต่ก็จะพลาดวิว งามตามที่เห็นนะคะ
3. วัด บรากา (Braga or Bhraka)(เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
วัด บรากา เป็นอารามแบบทิเบต ที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน มนัง ใช้เวลาเดินประมาณ ครึ่งชั่วโมง เป็นหนึ่งในอารามที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค ภายในมีพระพุทธรูปหลายร้อยองค์ ตัววัดสร้างจากหินเก่าโบราณ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ดูแตกต่างจากวัดทั่วไป สิ่งแรกที่เรามองเห็นที่ทางเข้าหลัก คือ กงล้ออธิษฐานขนาดใหญ่สีสันสดใส และเทพผู้พิทักษ์ที่น่าเกรงขามเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย นักเดินทางหลายคนอาจเร่งรีบเดินเพื่อให้ไปถึงหมู่บ้านมนัง โดยที่ไม่ได้แวะเยี่ยมชมหรือสังเกตว่ามีวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างทาง แวะชมซักนิดผู้เขียนรับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
4. หมู่บ้าน มนัง (Manang village) สูง 3540 เมตร จากระดับน้ำทะเล (เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
หมู่บ้าน มนัง เป็นหมู่บ้านใหญ่ นับเป็นหมู่บ้านหลักในภูมิภาคนี้ นักเดินทางจะพักปรับสภาพร่างกาย ให้ชินกับความสูง และสภาพภูมิอากาศที่หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านที่สวยงามและมีเสน่ห์ ทั้งทางด้านธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่เก่าแก่โบราณ ของชาว มนังยิ วัฒนธรรมที่ผสมผสานกัน ระหว่างเนปาล กับทิเบต ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่บนหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเล 3540 เมตร อยู่ทางเหนือของเทือกเขา อันนาปุรณะ หรือ ทางตอนกลางของประเทศเนปาล ในเขตกานดากิ เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุด ของ เส้นทางทางเดินป่า อันนาปุรณะเซอร์กิต (Annapurna Circuit Trek)
หมู่บ้านแห่งนี้มีร้านค้ามากมาย ที่ทันสมัยทั้งร้านขาย เค้ก ขนมปัง ต่าง ๆ อุปกรณ์การเดินป่า ธนาคาร สถานีอนามัย และแม้แต่โรงภาพยนตร์! เอาเป็นว่าแค่เรานั่งเล่นบนดาดฟ้าของที่พัก เราก็จะตื่นตาไปกับ ยอดเขาอันนาปุรณะ III และ ยอดเขาคงคาปุรณะ หรือเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน ที่มีการสร้างบ้านแบบดั้งเดิมด้วยไม้ ผสมกับหินตลอดทั้งหลัง มีกลิ่นไอ ของความเป็นชนบทแบบทิเบต และธรรมชาติ ที่มีควายกินฟางและเด็ก ๆ หัวเราะจากหน้าต่างหินเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก
5. ทะสาบ คงคาปุรณะ (Gangpurna Lake)(เป็นจุดชมวิว)
ทะเลสาบคงคาปุรณะ หรือที่ชาวเนปาลเรียกว่า คงคาปุรณะตาล ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ท้ายของหมู่บ้านมนัง เป็นทะเลสาบน้ำแข็งที่มีอายุน้อยมากซึ่งก่อตัวขึ้นเมื่อ 50 ปี ทะเลสาบแห่งนี้จะเป็นน้ำสีฟ้าในช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูใบไม้ร่วง เป็นสีขาวโพลน ในช่วงมรสุม และหิมะปกคลุมเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว
6. ทะเลสาบน้ำแข็ง หรือ คิโช๊ะ ตาล (Ice Lake- Kicho Tal)(เป็นจุดชมวิว)
ทางไปทะเลสาบน้ำแข็ง มีได้หลายทาง เริ่มจากหมู่บ้านมนัง หมู่บ้าน บราก้า หรือ หมู่บ้าน มุงจิ ก็ได้ แต่อย่าได้หลงเชื่อป้ายบอกตรงทางเข้า ที่ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เพราะคุณจะต้องใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง ในการเดินทางไปกลับ
เป็นจุดชมวิว ที่นักเดินทางหลายคนพลาดที่จะไปชม เนื่องจากต้องใช้เวลาเยอะในการเดิน ตัวทะเลสาบอาจดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่วิวหิมาลัย โดยรอบรวมทั้ง ความงามระหว่างทางบอกได้เลย ว่าแจ่มจรัส ไม่ทำให้ผิดหวังในการได้เดินทางมาที่นี่แน่นอน แต่ถึงจะได้ชื่อว่าทะเลสาบน้ำแข็ง ก็มิใช่ว่าจะเป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปี ทะเลสาบจะเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวคือ ตั้งแต่เดือน มกราคม-เดือนเมษายน หลังจากนั้นน้ำแข็งจะละลายเป็นน้ำสีฟ้า
7. ถ้ำ มิลาเรปา (Milarepa cave)(เป็นจุดชมวิว)
ถ้ำมิลาเรปา อยู่กึ่งกลางระหว่างหมู่บ้าน มนัง และ บราก้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่ที่ความสูง 4,250 เมตร อาจไม่ใช่สถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในมนัง แต่เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน ถ้ำมิลาเรปาใช้เวลาเดินทางไปกลับ 4-5 ชั่วโมง ถ้าเดินกันแบบชิว ๆ และพักผ่อนชมวิว ข้างบนนั้นด้วย ก็ใช้เวลาหมดไป 1 วันพอดีค่ะ แนะนำให้ห่ออาหารกลางวันไปรับประทานด้วยนะคะ เป็นเส้นทางเดินที่เงียบสงบ นักเดินทางน้อย
ไฮไลค์ ของถ้ำ มิลาเรปา คือด้านเหนือของยอดเขาอันนาปุณะ II ที่สูงตระหง่านอย่างใกล้ชิดมาก และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของยอดเขาพิซัง ก่อนจะถึงถ้ำ มิลาเรปา เราจะเจอเจดีย์สีขาวสวยงามที่มีการทาสีสดใส ธงมนต์ตรา ปลิวไสวตามสายลมทำให้ที่นี่เป็นจุดพักผ่อนอันเงียบสงบ เมื่อคุณไปถึงเจดีย์วิวจะดีขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีอาราม ที่มีรูปปั้นของ มิลาเรปา และพระพุทธรูปอื่น ๆ อยู่ภายในอาราม ในบริเวณนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของ บลูชิพ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแพะชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในแถบหิมาลัย จะพบเจอได้ที่ความสูง ตั้งแต่ 2600-3200 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ส่วนตัวถ้ำนั้น ต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 15 นาที มีกำแพงหินเล็ก ๆ รายล้อมถ้ำ และมีทางเข้าเล็ก ๆ ที่เป็นทางเข้าถ้ำและข้างในมีรูปปั้นของนักบวช มิลาเรปา ถ้ำมีความลึกประมาณ 10 ฟุต การเดินทางมายังถ้ำแห่งนี้อาจจะไม่ยากลำบากเท่าไหร่ แต่ด้วยความสูงที่มากถึง 4000 เมตร ทำให้หายใจลำบาก และรู้สึกเหนื่อยง่าย ทำให้เดินได้ช้าลง จุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่ถ้ำ มิลาเรปา แต่เป็นวิวทิวทัศน์ ที่น่าทึ่งเสียมากกว่า มาถึงหมู่บ้านมนังแล้ว ก็ลองแวะมาเที่ยวกันได้นะคะ
8. ทะเลสาบทิลิโชะ สูง 4,919 เมตร (Tilicho Lake)(เป็นจุดชมวิว)
ทะเลสาบ Tilicho ตั้งอยู่ในเขต มนัง ของเนปาล อยู่ห่าง จากเมืองโปครา 55 กิโลเมตร ที่ความสูง 4,919 เมตร (16,138 ฟุต) ในเทือกเขา อันนาปุรณะ ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่สูงที่สุดในโลก เป็นเส้นทางที่ต้องเดินแยกออกมาจากเส้นทางหลักในการเทรก ต้องเพิ่มวันอีกประมาณ 3 วัน สำหรับใครที่ต้องการมาชมทะเลสาบแห่งนี้
เราจะต้องเดินผ่าน แลนด์สไลด์แบบนี้ สองช่วง คือ ระหว่างเดินไป ทิลิโชะ แบสแคมป์ และเดินไปทะเลสาบทะลิโชะ ซึ่งถือเป็นช่วงที่อันตรายมาก ต้องมีความระมัดระวังในการเดินเป็นอย่างมาก
ทะเลสาบแห่งนี้ จะเป็นสีฟ้าในช่วงฤดูใบไม้ร่วง(กันยายน-พฤศจิกายน) ล้อมรอบด้วยภูเขาสีน้ำตาลแห้งแล้ง คล้าย ๆ กับภูเขาทางทิเบต และจะเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ของประเทศเนปาล (มีนาคม-พฤษภาคม) การเดินทางมายังทะเลสาบทิลิโชะ ต้องเดินด้วยเท้า หรือขี่น้องลา น้องม้าไปเท่านั้นค่ะ เส้นทางจะมีช่วงแลนด์สไลด์ ค่อนข้างอันตราย ต้องเดินอย่างระวัดระวัง และนักเดินทางควรมีร่างกายที่แข็งแรงระดับหนึ่ง เพราะทางชันมาก และต้องเดินขึ้นลงเขาหลายลูกเช่นกัน ดังนั้นใครปักหมุดตั้งใจจะไปทะเลสาบแห่งนี้ เตรียมฟิตซ้อมร่างกายไว้เลยค่ะ
นอกจากนี้ วิวของเส้นทางจากทิลิโชะแบสแคมป์ไปหา ยักกาขา ก็ยังสวยงามเช่นกัน ผู้เขียนรับรองว่า คุ้มค่าต่อการเดินมากค่ะ
9. ช่องเขา ทอรอง ลา (Thorong La Pass) สูง 5,416 เมตร จากระดับน้ำทะเล (เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
การเดินข้ามช่องเขา ทอรอง นี่เป็นจุดของความยาก เป็นจุดไคลแม็กซ์ จุดสุดท้ายของการเดินทางในเส้นอันนาปุรณะเซอร์กิตแล้วนะคะ ที่ระดับความสูง 5,416 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่สูงกว่า เอเวอร์เรสเบสแคมป์ ที่ระดับความสูงนี้ มีออกซิเจนเพียงครึ่งเดียว ทำให้เดินช้า และหายใจค่อนข้างลำบาก
คุณจะต้องเดินขึ้นระดับ 600 เมตรสุดท้าย ขึ้นไปถึงจุดไคลแม็กซ์ ทอรอง ลา 5,416 เมตร จากนั้นเดินลงอีก 1,800 เมตรไปยังหมู่บ้านมุกตินาท ซึ่งอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการเดินทาง สำหรับใคร ที่มีข้อเท้า และหัวเข่าไม่ดี เพราะหลังจากนี้จะเป็นการเดินลง และลง จนอาจต้องร้องขอ ให้ฉันเดินขึ้นได้ไหม !!!! จากที่เรายากลำบาก ตะเกียกตะกายเดินขึ้นมาเป็นอาทิตย์ ทั้งหมดนั้น คือการเดินลงในวันนี้ สำหรับตัวผู้เขียนแล้ว เจ็บข้อเท้า และเข่ามาก จนบางครั้งต้องถอยหลังเดินลง ไม้เท้าที่เดินป่า มีประโยชน์ มากที่สุดในวันนี้นี่เอง !!!!
10. วัด มุกตินาถ (Muktinath Temple) สูง 3,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล (เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
วัดมุกตินาท เป็นสถานที่แสวงบุญที่มีชื่อเสียงของชาวพุทธ และชาวฮินดู สำหรับชาวฮินดู มุกตินาถเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความรอด พวกเขาเชื่อว่า การอาบน้ำที่นี่รับประกันความรอดหลังความตาย กล่าวกันว่าพระพรหมในศาสนาฮินดูได้จุดไฟนิรันดร์ที่เผาที่วัดมุกตินาถ สำหรับชาวพุทธแล้ว มุกตินาถเป็นสถานที่ซึ่งปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ รินโปเช (ปัทมสัมภวะ) ซึ่งนำพระพุทธศาสนามาสู่ทิเบต มาทำสมาธิที่วัดแห่งนี้
หลังจากที่เราเดินข้าม ทอรอง ลา กันแล้วเราจะเดินผ่านวัดมุกตินาถ ซึ่งตั้งอยู่ทางซ้ายมือ นักเดินทางบางคนอาจไม่สังเกต เนื่องจากมัวแต่ชื่นชมกับวิวเบื้องหน้า และเดินเลยลงไปยังหมู่บ้านมุกตินาถ อย่าเพิ่งใจร้อนกันค่ะ มาแล้วก็อย่าให้พลาดนะคะ แนะนำว่าต้องแวะเลยค่ะ เพราะหลังจากนี้ถ้าคุณไปเม้าส์กับใครว่าได้เดินเส้นอันนาปุณะเซอร์กิตมาแล้ว คำถามที่ตามมาคือ คุณได้แวะวัดมุกตินาถมั้ย เพราะเป็นไฮน์ไลท์ สำคัญของเส้นทางนี้เลยค่ะ
และเหตุผลที่แนะนำให้แวะเข้าวัดก่อน เพราะถ้าคุณเดินลงไปที่หมู่บ้านแล้ว การเดินขึ้นมาที่วัดก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันค่ะ สำหรับวัดแห่งนี้ ไม่ใช่แค่นักเดินทางที่ผ่านเส้นอันนาปุรณะเซอร์กิตเท่านั้น ยังมีนักแสวงบุญ ผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเล็กเด็กแดง ทั้งชาวพุทธและชาวฮินดู จะเดินทางมาสักการะวัดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ผู้คนเหล่านี้เดินทางด้วยรถ หรือเครื่องบิน มาจากฝั่งเมืองโพครา ไม่ได้เดินข้ามทอรองลา มานะคะ เราจะสังเกตเห็นนักแสวงบุญถอดรองเท้ากันตั้งแต่ด้านล่างของวัด ระยะทางประมาณ 300 เมตร เดินเท้าเปล่าขึ้นไปยังวัด พร้อมเครื่องบูชาต่าง บางคนที่เดินไม่ไหว ก็เช่าม้าขึ้นมาก็มีค่ะ
11. หมู่บ้านจอมสม (Jomsom Village) สูง 2,743 เมตร จากระดับน้ำทะเล (เป็นหมู่บ้านที่ต้องเดินผ่าน)
ในเส้นทางเทรกอันนาปุรณะ เซอร์กิต จอมสม เป็นหมู่บ้านที่เริ่มต้นของการเทรก ถ้าเราเดินตามเข็มนาฬิกา และอาจเป็นจุดสิ้นสุดการเทรก เมื่อเดินทวนเข็มนาฬิกา หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านใหญ่ เก่าแก่ ต้นหมู่บ้าน เราจะเรียกว่า หมู่บ้านจอมสมใหม่ และด้านในที่เป็นที่อยู่ของสนามบิน เรียกว่าจอมสมเก่า
เราสามารถเดินทางมาจอมสมได้โดยการนั่งรถ หรือเครื่องบิน มาจากเมืองโพครา เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินป่า ภูมิทัศน์และวัฒนธรรมที่หลากหลายที่พบตามเส้นทางเดินป่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเนปาลจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
เลย์เอาต์ของหมู่บ้าน และการออกแบบบ้านมีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับบริเวณนี้ บ้านแต่ละหลังได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้อยู่อาศัยจากลมแรง ที่พัดเข้ามาในหุบเขาทุกวันตั้งแต่ตอนสายเป็นต้นไป ลมเหล่านี้เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศ ระหว่างที่ราบสูงทิเบตกับบริเวณตอนล่างของหุบเขา ทำให้ดูเหมือนหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ค่อยต้อนรับผู้คน ปิดประตูหน้าต่างกันมิดชิด ทั้งนี้เนื่องจากลมพัดแรงพาฝุ่นและทรายเข้าสู่บ้านเรือนนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็น 11 สถานที่ ที่น่าสนใจ ในการเดินเทรกเส้นทางอันนาปุรณะเซอร์กิต เมื่อมาเดินเส้นทางนี้แล้วอย่าลืมเข้าไปเช็คอินเก็บแต้มกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมารีวิว เส้นทางอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และร่วมติดตามข่าวสารในประเทศเนปาล ไปกับเรา ไทยเนปาลทราวเวล แอนเทรก (Thai Nepal Travels and Treks) ถ้าเธอหงอยเหงา ไม่มีเขา มาเที่ยวเนปาลกับเรา มีเขาให้เธอเลือกได้มากมาย
ความคิดเห็น