มัสแตง เมืองลึกลับ อันห่างไกลของเทือกเขาหิมาลัย เปิดต้อนรับผู้มาเยือน
Photography and vdo by: Natacha Giler and Tom van Cakenberghe
พื้นที่ มัสแตง ประกอบด้วย มัสแตงตอนบน และมัสแตงตอนล่าง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของที่ราบสูงธิเบตและติดกับชนเผ่าเนปาล ชนเผ่ามัสแตงตอนบน เป็นชนเผ่า ลูบรา ชาวทิเบต กลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงเชื่อว่าโลกแบนราบ ลูบรา ถือว่าเป็นศาสนาและคำอธิษฐานและเทศกาลเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเขา
เมืองมัสแตง ตอนบนของเนปาล ได้รับวัฒนธรรมพุทธศาสนาในธิเบต อยู่มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ภูมิประเทศเป็นที่น่าทึ่ง เป็นทะเลทรายกึ่งแห้งแล้ง ที่มีห้วยลึกและชั้นหินที่ขนาบข้างด้วยยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ การเดินทางเข้าสู่ดินแดนลึกลับแห่งนี้ต้องเดินข้ามทะเลทรายที่มีความสูงเป็นที่ตั้งของสถานที่อันงดงามบ้านเรือนโบราณและสัตว์ป่าที่หายาก
ณ เมืองแห่งนี้ เราจะพบกับ ธงอธิษฐานของชาวพุทธที่ถูกฟอกขาวด้วยแสงแดดและลมภูเขา และข้อความอันศักดิ์สิทธิ์ที่แกะสลักบนหิน และพบกับผู้คนที่ยิ้มแย้มลูบไล้หินขณะสวดมนต์ ความมั่งคั่งของอาณาจักรเกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เมื่อภูมิภาคนี้เป็นจุดขนส่งที่สำคัญในเส้นทางการค้าเกลือระหว่างทะเลสาบน้ำเค็มของธิเบตและตลาดใหญ่ในอนุทวีปอินเดีย นอกจากนี้ มัสแตง ยังเคยเป็นราชอาณาจักรที่เป็นอิสระอยู่ภายใต้การปกครองของ อมี พอล ผู้ก่อตั้งอาณาจักรแห่ง โล ขึ้นใน ค.ศ. 1380 (ราชอาณาจักร โล เป็นเมืองขึ้นของ ราชอาณาจักร เนปาล แต่ได้รับอนุญาตให้รักษาพันธุกรรมไว้ได้ตราบเท่าที่เนปาลยังคงเป็นราชอาณาจักรเนปาล)
ต่อมาราชอาณาจักร เนปาล สิ้นสุดลง ในปี พ.ศ.2551 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนเป็นสหพันธ์สาธารณะรัฐประชาธิปไตยเนปาล ราชอาณาจักร โล จึงตกอยู่ภายใต้การดูแล ของประเทศเนปาล
ประเพณีโบราณและการปฏิบัติของพุทธศาสนาในธิเบตยังมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันของชาวมัสแตง ทุกหมู่บ้าน มีอารามของตัวเองปกคลุมด้วยควันและกลิ่นหอมของโคมไฟเนย บางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลที่สุดในภูมิภาคนี้คือที่อยู่อาศัยหน้าผาที่แยกออกจากกันหลายร้อยแห่งซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุตั้งแต่ 8 ถึง 10,000 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเร็ว ๆ นี้ทีมนักปีนเขาและนักโบราณคดีค้นพบถ้ำหน้าผาเหล่านี้มากขึ้นซึ่งหลายแห่งถูกใช้โดยชาวพุทธในฐานะห้องสมาธิ บางคนยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
เมืองมัสแตงตอนบน ถือเป็นเขตพื้นที่พิเศษของประเทศเนปาล เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงมาก การเดินทางลำบาก มีสภาพอาการที่ค่อนข้างแปรปรวน ประกอบกับพื้นที่แห้งแล้ง เพื่อความปลอดภัยของชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาเยือนเมืองแห่งนี้ และเพื่อรักษาวัฒนธรรมโบราณ วิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น ไม่ให้มีนักเดินทางหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก ผู้เดินทางต้องมีการขอใบอนุญาตพิเศษ 10 วัน ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองแห่งนี้ ยังคงเป็นเมืองลึกลับน่าค้นหาของผู้มาเยือน
PHOTOGRAPH BY KATIE GARROD, AURORA
"ภูมิภาคนี้เปิดกว้างสำหรับการท่องเที่ยวตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 และยังคงมีความลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ" การแข่งขันวิ่งมาราธอน เมืองมัสแตงตอนบน เปิดกว้างสำหรับทุกคน การแข่งขันใช้ระยะเวลาแปดวัน เกิดขึ้นในเดือนเมษายน โดยมีนักวิ่งกว่า 40 คน เส้นทางยาวประมาณ 124 ไมล์ ตามรอยเท้าของตัวจามรี ซึ่งเป็นเส้นทางเดินที่ขรุขระ
เมืองมัสแตงตอนบน เป็นพื้นที่ที่สูงมาก นักวิ่งต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง นักวิ่งจะวิ่งผ่าน วิวทิวทัศน์ที่ค่อนข้างจะแห้งแล้ง จะมีทุ่งข้าวบาร์เลย์ที่เขียวชอุ่มบ้าง ในหุบเขาหมู่บ้าน ผ่านวัดวาอารามที่ประดับประดาด้วยธงอธิษฐาน รวมไปถึงหิมาลัยอันใหญ่มหึมาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ อย่างเทือกเขา อันนาปุรณะ และ เดาลากิริ
เฮาเกอร์ ผู้เข้าร่วมวิ่งในเส้นทางนี้ ที่เปิดเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2555 กล่าวว่า "เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม กว้างใหญ่และเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์แบบของพุทธศาสนาในทิเบต เป็นประสบการณ์พิเศษในภูมิประเทศที่น่าทึ่ง"
สำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมการวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Mustang Mountain Trail Race
Комментарии